อ้างโดนแกล้ง ฝังใจ เดินสวนกันกำเนิดฉุน ต่อสู้ กระซวกไม่ยั้ง คาที่


เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 6 เดือนมีนาคม พันตำรวจเอกเฉลิมชาติ ยาวิชัย ผู้กำกับการสภ.เชียงคำ จังหวัดจังหวัดพะเยา ได้รับแจ้งจากราษฎรในพื้นที่บ้านเชียงบาน มัธยม4 ตำบลเชียงบาน อำเภอเชียงคำ จังหวัดจังหวัดพะเยา ว่ามีการแทงกันตายเกิดขึ้น รวมทั้งมีคนตายในจุดเกิดเหตุปริมาณ 1 ราย ดังนี้ก็เลยได้ลงพื้นที่และ ร้อยตำรวจเอกคาถาอาคม แก้วหน่อ พนักงานที่ทำหน้าที่ด้านการสอบสวนร้อยเวร สภ.เชียงคำ กำลังข้าราชการชุดไต่สวนแล้วก็สายตรวจกว่า 20 นาย และก็กลุ่มช่วยเหลือมูลนิธิไทยรวมจิตใจจุดเชียงคำแล้วก็หมอเวรจาก โรงพยาบาลเชียงคำ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเจอมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าดรีมสีน้ำเงิน ทะเบียน กมบ 857 จังหวัดพะเยา ล้มอยู่กึ่งกลางถนนหนทาง รวมทั้งพบว่าคนที่เสียชีวิตนั้นนอนคว่ำหน้ากับพื้นข้างหน้ารถปิคอัพเก่า รอบๆบ้านของนายสายันต์ หอมนาน บ้านเลขที่ 48 มัธยม4 ตำบลเชียงบาน อำเภอเชียงคำ จังหวัดจังหวัดพะเยา รู้ชื่อถัดมาเป็นนายนิโรจน์ แสงสว่างศรีจันทร์ อายุ 55 ปี อาศัยบ้านเลขที่ 86 มัธยม4 ตำบลเชียงบประมาณน อำเภอเชียงคำ จังหวัดจังหวัดพะเยา ซึ่งภาวะศพผู้เสียชีวิตใส่เสื้อยืดแขนกุดสีเทากางเกงกีฬาขาสั้นสีดำรวมทั้งบนลำตัวถูกของมีคมแทงหลายแผลจนกระทั่งไส้ล้น
ส่วนผู้ก่อเรื่องนั้นรู้ชื่อเป็นนายแสงสว่าง คำมา อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 มัธยม4 ตำบลเชียงบาน อำเภอเชียงคำ จังหวัดจังหวัดพะเยา ซึ่งอยู่ในระหว่างการแอบหนีข้างหลังเกิดเหตุ ดังนี้ ผู้กำกับการสภ.เชียงคำ ก็เลยได้นำกำลังตำรวจลงพื้นที่เพื่อหาเพศผู้ต้องหาจนถึงไปพบผู้ต้องหาหลบซ่อนเข้าไปในบ้านของตนเอง โดยใช้เวลา 30 นาที ก็เลยสามารถคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมหลักฐานเป็นอาวุธมีดยาวขนาด 30 เซนติเมตรซึ่งซุกซ่อนไว้ใต้โต๊ะด้านในภายพักของตนเอง
นายกว้างขวาง หอมนาน อายุ 56 ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์คนแรกได้เล่าว่า ตอนก่อนเกิดเหตุนั้นตัวเองนอนดูทีวีในบ้าน จู่ๆก็ได้ยินเสียงเอะอะหน้าบ้านของตัวเองก็เลยได้เดินออกไปดูรวมทั้งได้พบว่านายแสงสว่างกับนายนิโรจน์ กำลังต่อยทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่ ตนก็เลยได้ร้องให้นายแสงสว่างหยุด แม้กระนั้นนายแสงสว่างกลับไม่หยุดกระทั่งนายนิโรจน์ล้มลงกับพื้นนายแสงสว่างก็เลยใช้เหล็กซีที่ใช้ก่อสร้างฟาดเข้าที่เข้าทางหัวของนายนิโรจน์ไป 1 ครั้ง แต่ว่านายนิโรจน์ก็ได้ร้องตะโกนให้ช่วยอยู่ แม้กระนั้นนายแสงสว่างได้ล้วงมีดปลายแหลมยาว 30 เซนติเมตรมาตีแทงนายนิโรจน์บ่อยจนถึงผู้เสียชีวิตนิ่งแน่ ดังนี้ตัวเองมองเห็นนายแสงสว่างขี่จักรยานแอบหนีไปในความมืดมนในทันที สำหรับตัวของนายแสงสว่างนั้นราวกับเป็นคนป่วยจิตเวชศาสตร์ เพราะว่าก่อนหน้านั้นตัวเองเคยได้ฟังว่านายแสงสว่างเสพยาม้ามาแล้วบ่อยครั้งรวมทั้งเข้าออกคุกเป็นว่าเล่นด้วย ดังนี้ตัวของคนก่อเหตุและก็คนเสียชีวิตนั้นไม่เคยผิดใจมาก่อนโดยตัวของคนเสียชีวิตมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างไม่เคยสร้างความอารมณ์เสียให้กับประชาชนในบริเวณนี้เลยสักหนึ่งครั้ง ส่วนผู้ก่อเรื่องหรือนายแสงสว่างนั้น ชอบมีลักษณะอาการเสมือนหลอนสงสัยอยู่เสมอเวลาพูดจาไม่ค่อยจะเข้าใจในบางครั้งน่าจะด้วยเนื่องจากว่าฤทธิ์สิ่งเสพติดด้วยเหมือนกัน
ด้านนายแสงสว่างผู้ก่อเรื่องได้เล่าเหตุตอนเกิดเหตุให้ฟังว่า ตอนก่อนเกิดเหตุนั้นตัวเองได้เดินไปซื้อของกินที่ร้านใกล้ๆบ้านของตัวเองภายหลังที่นั่งทีวีอยู่ที่บ้านเพียงผู้เดียว แต่ว่าภายหลังที่ตัวเองสวนกับนายนิโรจน์ก็เลยกำเนิดความโกรธเพราะว่าคนเสียชีวิตชอบกลั่นแกล้งตัวเองบ่อยๆจนถึงทำให้ตัวเองฝังใจรวมทั้งได้ก่อเหตุดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วขึ้น โดยในขณะที่ตัวเองออกมาจากบ้านนั้นจะพกมีดไปด้วยทุกคราวเนื่องจากกลัวว่ามีคนจะมารังแกตัวเองรวมทั้งตัวเองเคยเป็นทหารเกณฑ์มาก่อนด้วย
พันตำรวจเอกเฉลิมชาติ ได้รายงานในประเด็นนี้ว่า ในตอนนี้จากคำกล่าวให้การของผู้ต้องหานั้นทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่ออะไร ด้วยเดี๋ยวนี้พาผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เดินทางปูพรมค้นหากระทั่งไปพบนายแสงสว่างซ่อนตัวในบ้านของตัวเองนั้นจะต้องใช้เวลาถึง 30 นาทีกว่านายแสงสว่างจะยอมมอบตัวรวมทั้งนอกนั้นจากคำพูดกล่าวให้การนั้นตัวนายแสงสว่างยังมีท่าทีพูดจาวกวนเหมือนคนขี้เมายา โดยวันพรุ่งตัวเองจะให้ทางพนักงานที่ทำหน้าที่สอบสวนนั้นค้นกล่าวโทษจริงอีกทีหนึ่งแล้วก็จะได้นำเพศผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำสารภาพถัดไป